PSP ลงทุน 220.5 ล้านบาท ถือหุ้น RE เพิ่ม จาก 65% เป็น 100% เสริมแกร่งธุรกิจสีเขียว ดันไทยขึ้นแท่นฮับรีไซเคิลสารเคมีแห่งอาเซียน

บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP เดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจสีเขียวเต็มรูปแบบ เข้าถือหุ้น 100% ใน บริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (RE) ผู้เชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลสารเคมี หลังปิดดีลซื้อหุ้น 65% เมื่อเมษายน 2568 รวมมูลค่าลงทุนทั้งหมด 630 ล้านบาท ระบุเป็นก้าวสำคัญของ PSP ในการเสริมศักยภาพและขยายฐานสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมรีไซเคิลสารเคมีที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากนวัตกรรมการรีไซเคิลที่ทันสมัย สอดคล้องกับพันธกิจการพัฒนา Circular Economy และ Green Chemical ที่เน้นความยั่งยืน ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่ม รุกขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมรีไซเคิลสารเคมีของไทยให้แข่งขันในระดับสากล และวางรากฐานก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางรีไซเคิลสารเคมีของภูมิภาคอาเซียน ตั้งเป้าเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง
นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP กล่าวว่า การเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด หรือ RE ครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญของ PSP ในการขยายพอร์ตธุรกิจสีเขียว และต่อยอดศักยภาพในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) รวมถึงกลยุทธ์ด้าน Green Industry ที่สอดคล้องกับแนวทาง ESG ซึ่งกำลังเป็นเมกะเทรนด์ของโลกและของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ การลงทุนครั้งนี้มีมูลค่ารวม 630 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการเข้าถือหุ้นในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 รวม 65% คิดเป็นมูลค่า 409.5 ล้านบาท เมื่อเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา และล่าสุด PSP ได้เข้าซื้อหุ้นส่วนที่เหลืออีก 35% มูลค่า 220.5 ล้านบาท ส่งผลให้ PSP ถือหุ้นใน RE ครบ 100% และสามารถเข้าบริหารจัดการธุรกิจเชิงกลยุทธ์อย่างเต็มรูปแบบ
การถือหุ้น RE ทั้งหมดช่วยให้ PSP สามารถขับเคลื่อนแผนการเติบโตเชิงรุกได้รวดเร็วขึ้น พร้อมเสริมศักยภาพในการบริหารจัดการของเสียจากเคมีและน้ำมันใช้แล้วให้ได้มาตรฐานในระดับอุตสาหกรรมและระดับสากล อีกทั้งยังสามารถต่อยอดองค์ความรู้จากใบอนุญาตโรงงานประเภท 106 โดยเฉพาะด้านการกลั่นและแยกสารเคมีเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในภาคอุตสาหกรรม พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น พร้อมสร้างพลังแห่งความร่วมมือ หรือ Synergy ภายในกลุ่มธุรกิจ PSP ทั้งในด้านฐานลูกค้าและซัพพลายเชน เช่น การให้บริการจัดการกากของเสีย การรีไซเคิลถังเคมี การล้างและพ่นสีใหม่ รวมถึงการทำความสะอาดอุปกรณ์อุตสาหกรรม นอกจากนี้ PSP ยังสามารถบริหารจัดการการดำเนินงาน รวมทั้งควบคุมการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ต่าง ๆ ได้แบบไม่มีข้อจำกัด ซึ่งจะทำให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากร การลงทุน และโครงการต่าง ๆ ของ RE ได้อย่างยืดหยุ่นและรวดเร็ว
ทั้งนี้ การลงทุนของ PSP ในครั้งนี้เป็นการเร่งสร้างมูลค่าโดยผสานเครือข่ายลูกค้า และพันธมิตร โดยจะสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบัน RE มีฐานลูกค้าชั้นนำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ เคมีและปิโตรเลียม สี อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ตลอดจนต่อยอดธุรกิจด้าน Circular Economy และด้านความยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ระยะยาวของ PSP เมื่อผนวกกับพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งของ RE ทำให้ PSP เชื่อมั่นว่า RE มีศักยภาพในการเติบโตสูงและมั่นคง ขณะเดียวกัน RE จะได้รับการสนับสนุนทั้งด้านเงินทุน เทคโนโลยี และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีโอกาสขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยใช้เครือข่ายและประสบการณ์ของ PSP และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ เช่น OEM รายใหญ่ หรือโรงงานที่มีนโยบาย ESG อย่างเป็นรูปธรรม
PSP ได้ตั้งเป้าหมายการดำเนินงานของ RE ออกเป็น 3 ระยะ โดยแผนระยะสั้นจะเริ่มจากการบริหารจัดการภายในองค์กร RE ให้สอดรับกับทิศทางใหม่ ลงทุนในเครื่องจักรใหม่ ระบบดิจิทัลและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เริ่มการ Synergy ระหว่าง PSP กับ RE เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าปัจจุบันของ RE และการขยายตลาดส่งออก สำหรับแผนระยะกลาง PSP จะเริ่มความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อจัดการของเหลวปนเปื้อนสารเคมี สารเคมีใช้แล้ว และน้ำมัน รวมถึงการต่อยอดใบอนุญาต 106 สู่ธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง เช่น การนำน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานใช้แล้วกลับมารีไซเคิล (Re-Refined Base Oil) พร้อมขยายฐานลูกค้าในกลุ่มที่ยังไม่เคยให้บริการ ส่วนแผนระยะยาว PSP ตั้งเป้าให้ RE เป็นผู้นำด้านการจัดการของเสียและสารเคมีรีไซเคิลครบวงจรในระดับภูมิภาค เชื่อมโยงกับ Carbon Credit ระบบ BCG Economy และการผลักดันสู่ Net Zero โดยจะบูรณาการ RE ให้เป็น “Green Platform” หลักของ PSP ในการขยายธุรกิจบริการอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนในอนาคต
“ทั้งนี้ ผู้บริหารจาก PSP จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานที่ RE เพื่อร่วมขับเคลื่อนองค์กร และดำเนินโครงการ Digital Transformation ด้วยการนำระบบ ERP เข้าไปบริหารจัดการกระบวนการหลักขององค์กรอย่างครบวงจร ทั้งด้านการเงิน คลังสินค้า การผลิต และข้อมูลลูกค้า เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล ลดความผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและเตรียมพร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต สำหรับแผนการดำเนินงานของ RE จากนี้ จะเน้นที่การเพิ่มกำลังการผลิตภายในปีนี้ การขยายตลาดส่งออก การสร้างความร่วมมือกับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ตลอดจนการต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่” นายเสกสรรกล่าว
